Lorem ipsum dolorหนึ่งในผู้ช่วยคนสำคัญที่ทำให้ครัวทุกบ้านไร้กลิ่นแม้จะปรุงอาหารหนักขนาดไหน ไม่ใช่แค่เพียงสำหรับครัวฝรั่งเท่านั้น แต่ครัวไทยที่เน้นเครื่องเทศ หรือมีครัวไทยอยู่ภายในตัวบ้านนั้นก็จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีเครื่องดูดควันไว้ทำหน้าที่คอยกำจัดไขมัน ไอน้ำ และกลิ่นไม่พึงประสงค์ โดยการถ่ายเทอากาศออกทางผนังหรือเพดาน แล้วแต่ระบบของแต่ละรุ่นที่เราเลือกใช้ ดังนั้นในการเลือกเครื่องดูดควันจึงไม่ใช่เพียงแต่ความสวยงามเท่านั้น แต่เรื่องฟังก์ชันการใช้งานก็ต้องมีครบด้วย
มาดูกันว่าเคล็ดลับในการเลือกเครื่องดูดควันให้เหมาะสมนั้นมีอะไรบ้าง
- โหมดการทำงานแบบระบบท่อหรือระบบหมุนเวียน
ระบบท่อ (ducting) คือระบบที่บ้านส่วนใหญ่เลือกใช้ เพราะท่อจะติดตั้งกับเพดานเพื่อปล่อยควันออกไปด้านนอกบ้าน โดยยิ่งท่อมีพลังดูดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้อากาศถ่ายเทออกไปภายนอกได้รวดเร็วเท่านั้น แต่ถ้าเป็นระบบหมุนเวียน (recycle) จะเหมาะกับครัวเล็กในคอนโดหรืออพาร์ทเมนท์ โดยจะมีฟิลเตอร์คาร์บอน ที่มีหน้าที่ในการดูดซับกลิ่น ควัน และสารเคมีจากการประกอบอาหาร และฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ก่อนปล่อยควันออกไป แล้วหมุนเวียนอากาศบริสุทธิ์เข้ามาภายในห้อง ระบบหมุนเวียนแบบนี้จะติดตั้งง่าย แต่ผู้ใช้งานจำเป็นต้องเปลี่ยนฟิลเตอร์สม่ำเสมอ
- ชนิดของมอเตอร์ภายในเครื่องดูดควัน
ปัจจุบันมอเตอร์ที่ใช้ในเครื่องดูดควันจะมีอยู่ 3 ชนิด ผู้ใช้สามารถเลือกให้เหมาะสมต่อรูปแบบการใช้งาน คือ
2.1 มอเตอร์ที่ทำจากอัลลอยด์ ซึ่งเป็นมอเตอร์ที่ทนความร้อนได้ดีที่สุด สามารถทำงานอย่างต่อเนื่องได้ยาวนาน
2.2 มอเตอร์ที่ทำจากเหล็กชุบกัลวาไนซ์ ซึ่งจะทำให้เหล็กไม่เป็นสนิมสามารถยืดอายุของมอเตอร์ได้ยาวนานขึ้น
2.3 มอเตอร์ที่ทำจากพลาสติกกิลล่อน ซึ่งถือเป็นพลาสติกคุณภาพที่สามารถทนความร้อนได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องนานๆ ได้เพราะจะทำให้มอเตอร์เสื่อมคุณภาพเร็ว
- กำลังการดูดอากาศที่เหมาะสม
เพื่อให้ประสิทธิภาพในการดูดควันนั้นเป็นไปสูงสุด ผู้ใช้ควรเลือกความเร็วของเครื่องดูดควันให้เหมาะสม โดยสามารถคำนวณได้จากพื้นที่ภายในครัว โดยคิดจาก ความยาว X ความกว้าง X ความสูง X 10 = ความเร็วต่ำสุดของเครื่องดูดควันที่ต้องการ แต่ถ้าหากครัวเป็นรูปแบบครัวเปิดหรือครัวที่มีเกาะกลาง (Island) อยู่ตรงกลาง ควรเลือกความเร็วที่เร็วมากขึ้น
